มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 ตอบกลับดราม่าให้นมลูกในห้างฯ
ภาพดัดแปลงจาก: NewTV, TV Thunder Official
เรื่องความเหมาะสมของการให้นมลูกในที่สาธารณะนั้นเป็นเรื่องที่โต้เถียงกันอย่างดุเดือดในโลกตะวันตก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมีมุมมองค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับเรือนกายของคนในสังคมเมื่อเทียบประเทศในฝั่งยุโรป แต่ใครจะคิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นกระแสในบ้านเรา ที่ทำให้นางงามจากเวทีมิสเวิร์ลต้องออกมายืนยันจุดยืนของตัวเอง
หลังจากได้ครองตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2014 เมญ่า นนธวรรณ บรามาซ ก็ได้แต่งงานกับคนรักชาวสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนที่จะกลายมาเป็นคุณแม่ของลูกชาย น้องเบฬิน ซึ่งตอนนี้มีอายุหนึ่งขวบเศษๆ โดยในขณะนี้ ทั้งคู่ได้เดินทางกลับมาพักผ่อนที่ประเทศไทย โดยเมญ่าและน้องได้จับมือกับบริษัท ทีวี ธันเดอร์ ทำรายการ “กระเตงลูก” ลงในช่องยูทูป
ภาพประกอบ: @maeyagirl
ตอนที่สองของรายการซึ่งมีชื่อตอนว่า “แม่ผมก็มีมงนะ เมญ่าอุ้มลูกชายอวดเพื่อนนางงาม” (อัพโหลดวันที่ 13 กรกฎาคม 2562) นี่เองที่ทำให้เกิดกระแสพูดถึงการให้นมบุตรในที่สาธารณะ เพราะในวิดีโอได้มีช่วงที่เมญ่าให้นมลูก โดยมีผ้าคลุมท่อนบนภายในห้างสรรพสินค้า ทำให้มีชาวเน็ตบางกลุ่มที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำดังกล่าวว่า ไม่เหมาะสมและเป็นเรื่องแปลก ไปจนถึงการตั้งคำถามว่าทำไมไม่ให้นมลูกจนอิ่มมาจากที่บ้าน
เมญ่าและแฮชแท็ก #ให้นมลูกในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องน่าอาย
เมื่อเมญ่าทราบเรื่องกระแสดังกล่าว จึงได้ออกมาแถลงผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอในวันที่ 20 กรกฎาคม 2562 และชี้แจงว่าตัวเธอมองว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ พร้อมกับบอกว่าในตอนนั้นเธอมีผ้าคลุมและยังใส่เสื้อชั้นในสำหรับให้นมบุตรโดยเฉพาะเพื่อความเรียบร้อย
ทั้งนี้ เมญ่ายังยืนยันในโพสต์ว่า การให้นมลูกในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องน่าอาย และนานาประเทศต่างก็กำลังรณรงค์เรื่องนี้กัน
เธอยังฝากถึงแม่ลูกอ่อนคนอื่นๆ ที่อาจจะประสบปัญหาแบบเดียวกันให้ติดแฮชแท็ก #ลูกต้องได้กิน #แม่รู้ใจลูกที่สุด #ลูกหิวต้องได้กิน #ให้นมลูกในที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพื่อนำไปพูดในรายการตอนต่อๆ ไป
ภาพประกอบ:@maeyagirl
ชาวเน็ตออกมาสนับสนุนเมญ่า
ถือเป็นความโชคดีที่ทัศนคติเกี่ยวกับการให้นมบุตรในที่สาธารณะของคนในบ้านเรายังจัดอยู่ในเชิงบวกเป็นส่วนมาก โดยหลายความคิดเห็นใต้ลิ้งค์ข่าวของเว็บไซต์สนุกดอทคอมในเพจเฟซบุ๊คส่วนมากนั้นให้กำลังใจเมญ่า และมองว่าการให้นมลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ แม้ว่าจะอยู่ในที่สาธารณะก็ตาม เพราะการที่ปล่อยให้เด็กหิวอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี
ภาพดัดแปลงจาก: Sanook
การต่อสู้เพื่อให้ลูกอิ่มในกลุ่มแม่ฝั่งอเมริกา
ในโพสต์อินสตาแกรมเมญ่า เธอได้แตะประเด็นการรณรงค์การให้นมลูกในที่สาธารณะของต่างประเทศอยู่เล็กน้อย ซึ่งประเทศที่พูดเรื่องนี้อย่างกว้างขวางก็คือประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะถึงแม้ว่าทั้ง 50 รัฐจะมีกฏหมายรองรับการให้นมลูกจากเต้าในพื้นที่สาธารณะ แต่ก็ยังมีบทสนทนาเกี่ยวกับความเหมาะสมในแง่ของประเด็นทางสังคม เพราะสังคมอเมริกันยังค่อนข้างมีความอนุรักษ์นิยมในเรื่องเพศและเรือนร่างค่อนข้างสูง
บทความของเว็บไซต์ Romper เปิดเผยผลสำรวจแบบสอบถามออนไลน์ว่าร้อยละ 31 ของผู้หญิงที่เคยให้นมลูกในที่สาธารณะถูกทำให้อับอาย และยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงร้อยละ 40 เท่านั้นที่สนับสนุนการให้นมลูกในพื้นที่สาธารณะ
แม้จะเป็นสถิติที่น่าเศร้าใจ แต่ก็มีกลุ่มคุณแม่มากมายทั่วประเทศที่มีจุดยืนคล้ายกับเมญ่า นั่นคือต้องการเสรีภาพในการให้นมลูกในพื้นที่สาธารณะ โดยไม่ถูกมองหรือว่ากล่าวในเชิงถูกตัดสิน ทำให้มีกลุ่มคุณแม่มากมายออกมาประท้วงและสร้างความตระหนักว่าการให้นมบุตรเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ว่ากระทำที่ไหนก็ตาม
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มคุณแม่ชาวอเมริกันออกมารวมตัวรณรงค์ พร้อมกับพาลูกๆ มาให้นมที่จตุรัสไทม์สแควร์ของมหานครนิวยอร์กเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเอง
ภาพประกอบ: NYpost
ทำไมต้องให้นมลูกในที่สาธารณะ?
ในความคิดเห็นที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารย์การกระทำของเมญ่าก็มีคำถามนี้อยู่เช่นกัน เราจึงอยากนำเสนอบางข้อจากบทความของเว็บไซต์ USA Today ที่เขียนถึงเหตุผลว่า ทำไมการให้นมลูกในที่สาธารณะจึงเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง
- เด็กมักจะหิวบ่อยตลอดทั้งวัน และอาจจะต้องได้รับการป้อนนมทุกๆ ชั่วโมงในบางกรณี
- การดื่มนมจากอกของแม่เป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างแม่และเด็กรูปแบบหนึ่ง อีกทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกปลอดภัยและสงบ ซึ่งหมายความว่าเด็กๆ เหล่านี้จะไม่ร้องไห้สร้างความรำคาญให้คนรอบข้าง
- หลายๆ ครั้ง การปั๊มนมใส่ขวดหรือการใช้นมผงก็อาจจะไม่สะดวกสบายเสมอไป อีกทั้งอาจจะหมดในระหว่างวัน นอกจากนี้แล้ว นมที่คั้นจากเต้ามาเก็บไว้ก็ขาดคุณค่าทางสารอาหารเมื่อเทียบจากการให้นมจากเต้า
การให้นมบุตรจากเต้าในพื้นที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องไม่เหมาะสมทางเพศ แต่เป็นเรื่องธรรมชาติระหว่างผู้ที่เป็นแม่และเด็กทารก ดังนั้นการนำกฏเกณฑ์ทางศีลธรรมส่วนบุคคลมาตัดสินในเรื่องนี้จึงอาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
เราขอเป็นกำลังใจให้เมญ่าและคุณแม่ทุกคน